รวมพระบรมราโชวาท ของขวัญอันยิ่งใหญ่ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มอบให้กับปวงชนชาวไทย
ตามประกาศ สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 เวลา 15.52 น. ณ โรงพยาบาลศิริราช รวมพระชนมพรรษา 89 พรรษา ทรงครองสิริราชสมบัติทั้งสิ้น 70 ปี นับเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของปวงชนชาวไทย ทั้งนี้การแสดงความจงรักภักดีที่ดีที่สุดนั้น ก็คือการเจริญรอยตามพระยุคลบาท ร่วมกันสืบสานพระราชปณิธาน ที่พระองค์ประสงค์ให้พสกนิกรอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข ที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ได้มอบขอวขวัญอันยิ่งใหญ่ให้กับปวงชนชาวไทย ไม่ว่าจะเป็นโครงการต่าง ๆ หรือแม้แต่พระบรมราโชวาท คำสอนของพ่อหลวง ที่ลูก ๆ ชาวไทย ต่างน้อมนำมาปฏิบัติตาม และถือเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวที่ทำให้ปวงชนชาวไทย ระลึกถึงคุณงามความดีที่พระองค์เคยได้สร้างเอาไว้
และในวันนี้ กระปุกดอทคอมก็ขอน้อมนำพระบรมราโชวาท ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ความว่า
เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อปี 2552 ในหลวงทรงตรัสว่า "เราจะหลับลงได้อย่างไร ในเมื่อประชาชนไม่มีที่จะนอน"
"ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะทิ้งประชาชนอย่างไรได้"
"เมื่อประชาชนมีความสุขแล้ว เราถึงจะมีความสุขด้วย"
"ยามทะเลาะกัน ผู้ที่เงียบก่อน คือผู้ที่มีการอบรมสั่งสอนที่ดี "
"อย่าสวดมนต์เพื่อขอสิ่งใด นอกจาก สติปัญญา และ ความกล้าหาญ"
"โภคะทั้งหลาย มิได้สำเร็จได้ด้วยเพียงคิดเท่านั้น"
" จงใช้จุดแข็ง อย่าเอาชนะจุดอ่อน "
"ทำงานกับฉัน ฉันไม่มีอะไรจะให้ นอกจาก ความสุขที่ได้ทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น"
"ความซื่อสัตย์สุจริต จะเป็นเสมือนหนึ่งเกราะคุ้มภัยแก่ท่านตลอดไป"
"การปิดทองหลังพระนั้น เมื่อถึงคราวจำเป็นก็ต้องปิด ว่าที่จริงแล้วคนโดยมาก ไม่ค่อยชอบปิดทองหลังพระ กันนัก เพราะนึกว่าไม่มีใครเห็น แต่ถ้าทุกคนพากันปิดทองแต่ข้างหน้า ไม่มีใครปิดทองหลังพระเลย พระจะเป็นพระที่งามบริบูรณ์ไม่ได้"
"ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดี และคนไม่ดี ไม่มีใครที่จะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้"
"การทำดีนั้นทำยากและเห็นผลช้า แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะหาไม่ความชั่วซึ่งทำได้ง่าย จะเข้ามาแทนที่ และจะพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็ซโดยไม่ทันรู้สึกตัว แต่ละคนจึงต้องตั้งใจและเพียรพยายามให้สุดกำลัง ในการสร้างเสริมและสะสมความดี"
"คำว่า พอเพียง มีความหมายว่า พอมีกิน เศรษฐกิจแบบพอเพียง หมายความว่า ผลิตอะไรมีพอที่จะใช้ ไม่ต้องขอยืมคนอื่น อยู่ได้ด้วยตนเอง แปลจากภาษาฝรั่งได้ว่า ให้ยืนบนขาของตัวเอง หมายความว่า สองขาของเรายืนบนพื้นให้อยู่ได้ ไม่หกล้ม ไม่ต้องไปขอยืมของคนอื่นเพื่อที่จะยืนอยู่ คำว่า พอ คนเราถ้าพอในความต้องการ มันก็มีความโลภน้อย เมื่อมีความโลภน้อย ก็เบียดเบียนคนอื่นน้อย พอเพียง อาจมีมาก อาจมีของหรูหราก็ได้ แต่ว่าต้องไม่ไปเบียดเบียนคนอื่น"
"ขอให้ทุกคนตั้งมั่นอยู่ในความสามัคคี หมั่นประกอบสัมมาอาชีพโดยความสัตย์สุจริต คิดถึงประโยชน์สุขส่วนร่วมของบ้านเมืองเสมอเป็นสำคัญ" |